Skip to main content

ก่อนที่จะเริ่มลงทุน ถ้าเริ่มแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลายคนก็อาจจับต้นชนปลายไม่ถูก

เราลองมาเริ่มจากการ “รู้จักตัวเอง” ให้ดีเสียก่อน ว่าเป้าหมายในการลงทุนของเราคืออะไร? ต้องใช้เงินเท่าไหร่? ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?
“เงื่อนไขการลงทุน” ของเราคืออะไร สินทรัพย์แบบไหนที่เราถนัด มีความรู้ความเข้าใจ หรือสนใจเป็นพิเศษ? และที่สำคัญที่สุดคือ “รับความเสี่ยงได้แค่ไหน?”

ปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นสิ่งที่ช่วยกำหนดแนวทางการลงทุนของเรา

นอกเหนือจาก “เงินฝากธนาคาร” ที่เป็นพื้นฐานของการลงทุนแล้ว ก็ยังมีรูปแบบการลงทุนอีกมากมาย ที่มีจุดเด่นและความน่าสนใจแตกต่างกันไป เช่น

หุ้น – ที่ให้คุณร่วมลงทุนเสมือนเป็นหนึ่งในเจ้าของกิจการโดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
กองทุนรวม – ที่มีมืออาชีพทำหน้าที่บริหารเงินลงทุนแทนให้
อนุพันธ์ – ที่สามารถให้นักลงทุนทำกำไร ทั้งขาขึ้นและขาลง
Derivative Warrant – ใช้เงินลงทุนน้อย แต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง
หุ้นกู้ Crowdfunding – ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน ความผันผวนต่ำ และไม่แปรผันตามตลาดหุ้น
ETF – หรือกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่ซื้อง่าย ขายคล่อง ยึดผลตอบแทนตามดัชนี
DR – ซื้อ/ขายในไทย แต่ลงทุนในบริษัทต่างประเทศ
พันธบัตรรัฐบาล – ความเสี่ยงต่ำ ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ

ไม่ว่านักลงทุนจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใด สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ความเข้าใจใน“ปัจจัยพื้นฐาน” ที่เกี่ยวข้องด้วย ดูสภาพเศรษฐกิจว่าในปัจจุบันเป็นอย่างไรและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตหรือไม่ จะส่งผลกระทบกับแต่ละสินทรัพย์หรือแต่ละอุตสาหกรรมอย่างไร เพื่อค้นหาสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน

นอกจากนี้ สำหรับการลงทุนบางชนิด การใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ “ปัจจัยเทคนิค” เป็นตัวช่วยกำหนดจุดซื้อ-จุดขาย ก็สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนของเรา

“การสร้างพอร์ตลงทุนที่เหมาะกับตนเอง” พอร์ตการลงทุนที่ดีนั้น ต้องกระจายความเสี่ยงได้อย่างสมดุล ไม่ทุ่มเงินมากไปกับการลงทุนแบบใดแบบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้หลากหลายจนกระจัดกระจาย ติดตามดูแลยาก

ขณะเดียวกันก็ต้องยืดหยุ่นมากพอ ที่จะสามารถปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันได้

เมื่อมีแนวทางการจัดสรรเงินลงทุนที่แน่นอนแล้ว อย่าลืมเขียน “นโยบายการลงทุน” ไว้เป็นคัมภีร์ให้เราคอยทำตามด้วย

เมื่อพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มลงทุนแล้ว

ส่วนจะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเท่าไหร่นั้น ก็ถือว่า ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่นักลงทุนเลือกลงทุน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจจะเริ่มต้นลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง กับ สยาม วาลิดัส ก็สามารถสมัครได้ง่ายๆ ผ่านช่องทาง https://www.siamvalidus.co.th ใช้เงิน 50,000 บาท ก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้แล้ว

สำหรับการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ นักลงทุนก็จะต้องมีการเปิดบัญชีเพื่อเริ่มต้นลงทุนกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แต่ละแห่ง แล้วแต่สินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุน

เมื่อได้ลงทุนไปแล้ว ก็อย่าปล่อยปะละเลย ต้องขยันเข้ามาติดตามผลงานด้วย จะทุกกี่เดือน ก็แล้วแต่ความสะดวก เพื่อคอยเช็คว่าผลตอบแทนที่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้หรือไม่ หากว่าไม่ ก็จะได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนเสียใหม่

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สำหรับนักลงทุนท่านใดที่กำลังมองหาทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด Siam Validus ขอแนะนำ หุ้นกู้ Crowdfunding ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในระยะสั้นกว่า 1 ปี และให้ผลตอบแทนสูงถึง 4-15% ต่อปี สามารถลงทะเบียนได้ที่ https://siamvalidus.co.th/ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร 02-026-6574 กด 2 และ ir@siamvalidus.co.th

* คำเตือน: การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนที่มีความรู้และเข้าใจในด้านความเสี่ยง และสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ซึ่งเหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนของตนเอง โดยการลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ผู้ลงทุนควรพิจารณาเป็นการลงทุนจนครบกำหนดอายุของหุ้นกู้และไม่มีสภาพคล่อง รวมทั้ง หุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่ไม่ได้รับประกันความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม และไม่ได้รับความคุ้มครองจากหน่วยงานใดๆ ของรัฐ ซึ่งผู้ลงทุนอาจจะสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดได้
ดังนั้น ผู้ลงทุนจำเป็นต้องทำความเข้าใจลักษณะของหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ศึกษารายละเอียดในหนังสือชี้ชวน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสามารถรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนตัดสินใจลงทุน

สำหรับนักลงทุนที่สนใจเริ่มต้นลงทุนใน Crowdfunding สามารถลงทะเบียน หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร 02-026-6574 กด 2 และ ir@siamvalidus.co.th
สมัครเลย